ขับเคลื่อนภาคการเงินและการลงทุน
เพื่อรับมือกับภาวะโลกรวน และ สร้างอนาคตที่ยั่งยืน
Climate Finance Network Thailand (CFNT) หรือ เครือข่ายการเงินเพื่อรับมือกับภาวะโลกรวน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2567 เราเป็นองค์กรวิจัยและกลุ่มเครือข่ายที่มุ่งมั่นสนับสนุนการเงินที่ยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
การเงินเพื่อรับมือกับภาวะโลกรวนในประเทศไทย
CFNT ตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของภาคการเงินในการรับมือกับภาวะโลกรวน วัตถุประสงค์หลักของ CFNT คือการจุดประกายความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และขยายผลลัพธ์เชิงนโยบายด้านการเงินเพื่อภาวะโลกรวน ผ่านงานวิจัยที่เน้นเสนอทางออกและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมกับขยายเครือข่ายคนที่สนใจในประเด็นเดียวกัน เป้าหมายสูงสุดของเราคือการช่วยให้ภาคการเงินการลงทุนในประเทศไทยรับมือความท้าทายด้านภาวะโลกรวนได้ดียิ่งขึ้น ผ่านการผนึกกำลังกับองค์กรพันธมิตรที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน CFNT มุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างภูมิทัศน์ทางการเงินที่สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนของโลก และส่งเสริมเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและพร้อมรับมือวิกฤตโลกรวน

กิจกรรม
เชิญร่วมสัมมนาออนไลน์: Can Chinese EV Investment Contribute to Thailand’s Green Transformation?
26 สิงหาคม 2568 l เวลา 10:00 – 11:30 น.
Microsoft Teams Webinar
รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจะช่วยประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจและสังคมสีเขียวได้แค่ไหน? ร่วมหาคำตอบได้ในงานสัมมนาออนไลน์ “Can Chinese EV Investment Contribute to Thailand’s Green Transformation?”
งานวิจัย แนะนำ
Can Chinese EV Investment Contribute to Thailand’s Green Transformation?
รายงานฉบับนี้วิเคราะห์โครงสร้างการกำกับดูแลและผลกระทบในระดับท้องถิ่นจากการลงทุนของจีนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทย โดยมุ่งนำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในไทยและจีนใช้ประกอบการตัดสินใจ การศึกษาวิจัย การวิเคราะห์ และการดำเนินงานในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบที่เปิดกว้าง โปร่งใส และเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น
ใช้พลังมวลชน: เพิ่มการเข้าถึงเงินทุนเพื่อติดตั้งโซลาร์ครัวเรือนด้วยโมเดลคราวด์ฟันดิงในไทย
ประเทศไทยมีศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์อย่างล้นเหลือแต่ความก้าวหน้าในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์นั้นกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าโดยไม่อาจเติมเต็มศักยภาพที่มี รายงานฉบับนี้สำรวจความเป็นไปได้ในการใช้การระดมทุนจากมวลชนหรือคราวด์ฟันดิงในฐานะแหล่งเงินทุนทางเลือกเพื่อปิดช่องว่างในการหาเงินทุนสำหรับการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาในภาคครัวเรือน เราเสนอโมเดลระดมทุนจากมวลชนที่สอดคล้องกับบริบทไทย 6 รูปแบบประกอบด้วย ผ่อนจ่ายตามเงินที่ประหยัดได้ (Pay-As-You-Save) ที่ช่วยให้ครัวเรือนติดตั้งแผงโซลาร์โดยไม่ต้องจ่ายเงินลงทุนตั้งต้น และผ่อนชำระค่าแผงโซลาร์ตามค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ในแต่ละเดือน พอร์ตฟอร์ลิโอแผงโซลาร์บนหลังคา คือการรวบรวมแผงโซลาร์ที่ติดตั้งอยู่บนหลายหลังคาเรือนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คือการนำเงินไปลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์ในโครงการบ้านจัดสรรแห่งใหม่ ผ่อนชำระผ่านใบเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภค (On-bill financing) คือการผ่อนชำระค่าแผงโซลาร์ผ่านใบเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภค ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าโดยจ่ายชำระเท่าที่ใช้งาน (Off-grid Pay-As-You-Go) นำเสนอทางเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับชุมชนที่อยู่นอกกโครงข่ายไฟฟ้าให้สามารถเข้าถึงไฟฟ้า แผงโซลาร์บนหลังคาอาคารหน่วยงานภาครัฐ คือการติดตั้งแผงโซลาร์บนอาคารภาครัฐโดยไม่แสวงหากำไรโดยแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้กลับคืนให้หน่วยงาน โมเดลเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคเรื่องเงินลงทุนตั้งต้นในการติดตั้งแผงโซลาร์และดึงดูดนักลงทุนเน้นผลลัพธ์ แต่โมเดลเหล่านี้จะสำเร็จได้ก็จำเป็นต้องมีนโยบายสนับสนุนที่แข็งแกร่ง คณะวิจัยเสนอว่าภาครัฐควรเสริมสร้างแรงจูงใจทางการเงิน ดำเนินนโยบายหักกลบลบหน่วยไฟฟ้า เพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการอนุมัติ และเปิดให้มีการแข่งขันในตลาดการผลิตไฟฟ้า การดำเนินนโยบายเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศไทยปลดศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ บรรลุเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยุติธรรม บทสรุปผู้บริหาร (ภาษาไทย) รายงานการวิจัยภาษาไทยฉบับสมบูรณ์ Full Paper in English
A Better Path is Possible Critique and Suggestions to Draft PDP2024
รายงานฉบับนี้ฉายภาพการวิเคราะห์ร่างแผนพัฒนาพลังไฟฟ้า พ.ศ. 2567 หรือร่างแผน PDP2024 ซึ่งยังคงพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในสัดส่วนกว่า 49 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2580 ทั้งที่ประเทศตั้งเป้าว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ร่างแผน PDP2024 ยังเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซแห่งใหม่อีก 6,300 เมกะวัตต์ รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา เช่น การผสมไฮโดรเจนกับก๊าซเพื่อเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า และเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactors: SMRs) แทนที่จะเร่งพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืนกว่าอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ รายงานฉบับนี้ฉายให้เห็นต้นทุนแฝงที่มาพร้อมกับการปล่อยคาร์บอน ความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติเหลว และค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เพื่อพัฒนาระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอน เรามองว่าทางเลือกที่เหมาะสมกว่าคือการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์อย่างเร่งด่วนซึ่งจะช่วยลดต้นทุนพลังงาน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน และสอดคล้องกับเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไทยกำหนดไว้ในเวทีโลก หากไทยต้องการคงไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เราจำเป็นต้องปรับวิธีคิดในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าโดยมองไปข้างหน้า มากกว่าพยายามต่อยอดจากโครงสร้างพื้นฐานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีในปัจจุบันซึ่งกำลังจะล้าสมัยในอนาคตอันใกล้
Thailand’s Fossil Lock-In:Stranded Risk of Midstream Oil & Gas Infrastructure
รายงานฉบับนี้วิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินจากการลงทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซขั้นกลางน้ำในประเทศไทยที่รวมถึงธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว เมื่อโลกเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ อาทิ โรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่มูลค่าเงินลงทุน 1.89 แสนล้านบาท และโครงการท่าเรือเพื่อนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี 6.6 หมื่นล้านบาทอาจเผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ เนื่องจากต้องเผชิญผลกระทบจากนโยบายพลังงานระดับโลกและการใช้เทคโนโลยีพลังงานทดแทน รวมถึงความต้องการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่จะแตะระดับสูงสุดในปี 2030 หากต้องการบรรเทาความเสี่ยงจากสินทรัพย์สูญค่าในอนาคต ประเทศไทยจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านพลังงานโดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสะอาดมากยิ่งขึ้น และปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับคำมั่นด้านภูมิอากาศที่ให้ไว้กับนานาประเทศ การเปลี่ยนนโยบายจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำรงความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในห้วงยามของการเปลี่ยนผ่าน โดยจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการลงทุนที่สูญค่าและสร้างความยั่งยืนในอนาคต
การชำระบัญชีฟอสซิล: การประเมินมูลค่าสินทรัพย์สูญค่าในอนาคตของโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซในประเทศไทย
งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบทางการเงินจากการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศไทย ผ่านการคำนวณมูลค่าสินทรัพย์สูญค่าในอนาคต (stranded assets) ของกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง คณะวิจัยใช้แบบจำลองการคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow model หรือ DCF model) ของโรงไฟฟ้าลักษณะนี้รายโรง ในการวิเคราะห์ทั้งสิ้น 3 ฉากทัศน์ ประกอบด้วย (1) กรณีฐาน (base case) ใช้แผนการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 2561 ถึง 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (2) กรณีการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างรวดเร็ว และ (3) กรณีพลังงานหมุนเวียน 100% ผลการศึกษาพบว่า ประเทศไทยเผชิญความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญจากสินทรัพย์สูญค่าในอนาคตซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 3.6 แสนล้านบาทสำหรับฉากทัศน์การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างรวดเร็ว และ 5.3 แสนล้านบาทในฉากทัศน์พลังงานหมุนเวียน 100% สะท้อนความเสี่ยงของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลในไทย และตอกย้ำความสำคัญของการเร่งลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในกรอบเวลาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการรับมือภาวะโลกรวนในระดับโลก ซึ่งความชัดเจนดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
บทความ
ในโมงยามของความไม่แน่นอน สงครามส่งผลอย่างไรต่อการเงินเพื่อรับมือภาวะโลกรวนในประเทศไทย ?
ความขัดแย้ง ไทย – กัมพูชา อาจส่งผลต่อการเงินเพื่อรับมือภาวะโลกรวนอย่างไร และทำไมมันอาจเปลี่ยนอนาคตการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของไทยไปตลอดกาล ?
ไทยในสึนามิการลงทุนจากรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท Omoda & Jaecoo ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีนประกาศยกระดับการลงทุนในไทย หลังจากเพิ่งประกาศเตรียมสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในจังหวัดระยอง หรือพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) การขยับของ Omoda & Jaecoo เป็นเพียงหนึ่งคลื่นของการลงทุนมหาศาลจากบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน หลังจากการเข้ามาของแบรนด์อื่นๆ ดั่งที่เราเห็นบนท้องถนนในไทยทุกวันนี้ที่คราคร่ำไปด้วย BYD, Great Wall Motor หรือ SAIC Motor ซึ่งล้วนแต่เป็นรถยนต์สัญชาติจีนทั้งนั้น ยังไม่นับรวมโฆษณาในโลกออฟและออนไลน์ หรือโรงงานที่ผุดเป็นดอกเห็ดในพื้นที่ EEC ค่ายรถจีนเหล่านี้ต่างเริ่มจากการครองตลาดภายในประเทศ ก่อนจะขยายตลาดสู่ต่างประเทศด้วยแรงหนุนส่งด้านเงินทุนจากนโยบาย “สามอุตสาหกรรมใหม่” ของรัฐบาลจีน ที่มุ่งส่งเสริมให้ เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์, แบตเตอรี่ลิเธียม และรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นสินค้าส่งออกใหม่ของประเทศ สถานการณ์การลงทุนของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนในประเทศไทยเป็นอย่างไร ? มีประเด็นอะไรที่น่ากังวลบ้าง ? และรัฐบาลไทยควรมีนโยบายตอบสนองอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุดจากคลื่นการลงทุนครั้งนี้ ? ประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้า และ BRI สาเหตุที่ไทยกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ไม่ใช่เพียงเพราะสิทธิประโยชน์ทางภาษี มาตรการจูงใจและดึงดูดการลงทุน […]
สรุปเสวนา ‘การเงินเพื่อบรรเทาโลกรวน: ทบทวนและมองไปข้างหน้า’
ภาคการเงินไทยควรต้องทำอย่างไรเพื่อผลกระทบจากภาวะโลกรวน หาคำตอบได้ในการสรุปเสวนา การเสวนา “การเงินเพื่อบรรเทาโลกรวน: ทบทวนและมองไปข้างหน้า”
เกิดอะไรขึ้นบ้างในเวิร์กช็อป Deep Dive into Thailand’s Climate Finance Landscape
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 CFNT ร่วมกับ UNGCNT จัดงานเวิร์กช็อป ‘Deep Dive into Thailand’s Climate Finance Landscape นับเป็นเวิร์กช็อปครั้งแรกจากฐานข้อมูล Thailand Climate Finance Tracker
สรุป 3 ข้อเสนอและ 5 งานสำคัญจากปาฐกถา ‘เกินกว่าเร่งด่วน ความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนต่อภาวะโลกรวน’
สรุปปาฐกถาปิดงาน ‘2025 Climate Finance Tracker: เปิดข้อมูลการไหลของเงินทุนไทย’ โดยตัวแทนจาก UNEP และ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
สรุปวงเสวนา ‘จากอลหม่านสู่ยืดหยุ่น: ร่วมออกแบบอนาคตการปรับตัวต่อโลกรวน’
ประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงอะไรบ้างจากภัยพิบัติที่มาพร้อมภาวะโลกรวน? ร่วมหาคำตอบได้ในงานเสวนา ‘จากอลหม่านสู่ยืดหยุ่น: ร่วมออกแบบอนาคตการปรับตัวต่อโลกรวน’
สื่อ
สัมมนาออนไลน์: Can Chinese EV Investment Contribute to Thailand’s Green Transformation?
รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจะช่วยประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจและสังคมสีเขียวได้แค่ไหน? หาคำตอบได้ในงานสัมมนาออนไลน์ “Can Chinese EV Investment Contribute to Thailand’s Green Transformation?”
CFNT เปิดตัวฐานข้อมูล Thailand Climate Finance Tracker ครั้งแรกในไทย
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เครือข่ายการเงินเพื่อรับมือภาวะโลกรวน (Climate Finance Network Thailand: CFNT) องค์กรวิจัยและกลุ่มเครือข่ายที่มุ่งสนับสนุนการเงินที่ยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ได้เปิดตัวงานวิจัยชิ้นสำคัญ ‘Thailand Climate Finance Landscape’ โดยนําเสนอข้อมูลจาก Thailand Climate Finance Tracker เครื่องมือติดตามกระแสเงินทุนที่ถูกใช้รับมือกับภาวะโลกรวน โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการพัฒนาเครื่องมือดังกล่าวขึ้นในประเทศไทย CFNT พัฒนาเครื่องมือดังกล่าวขึ้นเพื่อสะท้อนภาพของกระแสเงินทุนที่ใช้เพื่อรับมือกับภาวะโลกรวนในประเทศไทย โดยทีมนักวิจัยจะติดตามและปรับปรุงข้อมูลเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันมากที่สุด โดย CFNT หวังว่า Thailand Climate Finance Tracker จะช่วยฉายภาพภูมิทัศน์ทางการเงินที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของประเทศที่ใช้ลดก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มขีดความสามารถในการตั้งรับปรับตัวกับภาวะโลกรวน และเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่มีพันธกิจในการขับเคลื่อนและเสริมสร้างขีดความสามารถของโทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ “CFNT หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเครื่องมือ Climate Finance Tracker จะช่วยสะท้อนภาพกระแสเงินที่หมุนเวียนเพื่อรับมือกับภาวะโลกรวนในประเทศไทย และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมืออันแข็งแกร่งในการลดก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ” สฤณี อาชวานันทกุล ผู้อํานวยการเครือข่ายการเงินเพื่อรับมือภาวะโลกรวน (CFNT) กล่าว โดยนอกจากการเปิดตัว Thailand Climate Finance Tracker ภายในงานยังมีวงเสวนาซึ่งได้รับเกียรติจากผู้แทนธนาคารโลก […]
CFNT Webinar Series – Phasing out coal: Case studies from Germany
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 เครือข่ายการเงินเพื่อรับมือกับภาวะโลกรวน (CFNT) ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Phasing out coal: Case studies from Germany” งานสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณสุชาติ คล้ายแก้ว หัวหน้าโครงการ Innovation Regions for a Just Energy Transition (IKI JET) ประจำประเทศไทย คุณสุชาติเป็นผู้นำการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรมในประเทศไทย และมีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือของโครงการ IKI JET ภายใต้ GIZ กับชุมชนที่พึ่งพาอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มองโกเลีย ชิลี โคลอมเบีย และแอฟริกาใต้ โดยงานของเขาครอบคลุมการให้คำปรึกษาทางเทคนิค การพัฒนาเครื่องมือเชิงนโยบาย การส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงการผลักดันเวทีเสวนานโยบายทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ประเด็นสำคัญในงานสัมมนา ได้แก่:
CFNT แถลงผลงานวิจัย – ใช้พลังมวลชน: เพิ่มการเข้าถึงเงินทุนเพื่อติดตั้งโซลาร์ครัวเรือนด้วยโมเดลคราวด์ฟันดิงในไทย
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 Climate Finance Network Thailand (CFNT) ได้แถลงผลงานวิจัยฉบับที่สองในชื่อ “ใช้พลังมวลชน: เพิ่มการเข้าถึงเงินทุนเพื่อติดตั้งโซลาร์ครัวเรือนด้วยโมเดลคราวด์ฟันดิงในไทย” ภายในงานยังมีการเสวนาหัวข้อ “ปลดพันธนาการโซลาร์” แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากผู้ประกอบการพลังงาน นักนโยบายสาธารณะ และผู้บริหารแพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิง เพื่อหารือเส้นทางสู่อนาคตพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย รับชมงานที่น่าสนใจนี้เพื่อสำรวจแนวคิดที่พลิกโฉมและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์สำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดในประเทศไทย สารบัญ00:00 | กล่าวเปิดงานทั่วไป00:03:42 | กล่าวต้อนรับและเปิดงาน โดย คุณสรินี ผู้อำนวยการ CFNT00:14:42 | สรุปงานวิจัย: ใช้พลังมวลชน01:25:00 | พัก01:34:50 | เสวนา: ปลดพันธนาการโซลาร์